วันอังคารที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2562
การเลือกตั้งในไทย
การเลือกตั้งในประเทศไทย
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
การเลือกตั้งของประเทศไทย เป็นกระบวนการตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย เพื่อให้ได้มาซึ่งบุคคลเข้าไปทำหน้าที่ในการปกครองประเทศไทย อาทิ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทย วุฒิสภาไทย ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร นายกเมืองพัทยา และผู้บริหารท้องถิ่นอื่น ๆ ด้วยการให้ประชาชนออกเสียงเลือกบุคคลที่เห็นสมควร
ประเทศไทยมีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเป็นการทั่วไปมาแล้ว 28 ครั้ง นับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2476 เป็นต้นมา โดยครั้งล่าสุดคือ[[การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2562|การเลือกตั้งในปี พ.ศ.100
เนื้อหา
คุณสมบัติของผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง[แก้]
การเลือกตั้งจัดขึ้นภายใต้สิทธิออกเสียงเลือกตั้งทั่วไป (universal suffrage) ตามความในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 อย่างไรก็ตาม มีข้อกำหนดคุณสมบัติของผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งอยู่บางประการ
- มีสัญชาติไทยโดยกำเนิด หรือแปลงสัญชาติเป็นไทยมาแล้วไม่ต่ำกว่า 5 ปี
- มีอายุไม่ต่ำกว่า 18 ปีบริบูรณ์
- มีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านในเขตเลือกตั้งติดต่อกันไม่น้อยกว่า 90 วันนับถึงวันเลือกตั้ง
ต้องไม่มีลักษณะต้องห้าม คือ ต้องไม่เป็นพระสงฆ์ สามเณร นักพรตหรือนักบวช, ต้องไม่อยู่ในระหว่างเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง, ต้องไม่ถูกคุมขังด้วยหมายของศาลหรือคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมาย, ต้องไม่เป็นคนสติฟั่นเฟือน[1]
การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร[แก้]
เนื้อหาในบทความนี้ล้าสมัย โปรดปรับปรุงข้อมูลให้เป็นไปตามเหตุการณ์ปัจจุบันหรือล่าสุด ดูหน้าอภิปรายประกอบ
|
ระบบบัญชีรายชื่อ[แก้]
ในระบบบัญชีรายชื่อ จะมีการคัดเลือกด้วยขั้นตอนดังนี้นะบ๋อม[4]
ให้แต่ละพรรค ส่งบัญชีรายชื่อผู้สมัครจำนวนไม่เกิน 125 คน
- บัญชีรายชื่อผู้สมัครรับเลือกตั้งต้องประกอบด้วยรายชื่อผู้สมัครรับเลือกตั้งจากภูมิภาคต่าง ๆ อย่างเป็นธรรม และต้องคำนึงถึงโอกาส สัดส่วนที่เหมาะสมและความเท่าเทียมกันระหว่างหญิงและชาย
- รายชื่อในบัญชีต้องไม่ซ้ำกับบัญชีรายชื่อที่พรรคการเมืองอื่นจัดทำขึ้น และไม่ซ้ำกับรายชื่อของผู้สมัครรับเลือกตั้งแบบแบ่งเขตเลือกตั้ง
- จัดทำรายชื่อเรียงตามลำดับหมายเลข (จาก 1 ลงไป)
- หลังเสร็จสิ้นการเลือกตั้ง ให้นับคะแนนในระบบบัญชีรายชื่อของทุกพรรคการเมืองรวมกันทั้งประเทศ แล้วหารด้วย 125 จะได้คะแนนเฉลี่ยต่อผู้แทน 1 คน
- นำคะแนนของแต่ละพรรคการเมือง หารด้วยคะแนนเฉลี่ยที่คำนวณไว้ จะได้จำนวนผู้แทนระบบบัญชีรายชื่อของพรรคนั้น
- เศษทศนิยม ให้ปัดทิ้งทั้งหมด แต่ให้เก็บข้อมูลเศษทศนิยมของแต่ละพรรคไว้ (เช่น พรรค ก ได้ 52.7 คน ปัดทิ้งเหลือ 52)
- รวมจำนวนผู้แทนของทุกพรรค หากยังได้ไม่ครบ 125 ให้กลับไปดูที่เศษทศนิยมของแต่ละพรรค พรรคใดที่มีเศษเหลือมากที่สุด ให้เพิ่มจำนวนผู้แทนจากพรรคนั้น 1 คน หากยังไม่ครบ ให้เพิ่มผู้แทนจากพรรคที่มีเศษเหลือมากเป็นอันดับสองขึ้นอีก 1 คน ทำเช่นนี้ตามลำดับจนกว่าจะได้ครบ 125 คน (เช่น พรรค ก ได้ 52.7 คน ตอนแรกได้ 52 เศษ 0.7 แต่ถ้าจำนวนผู้แทนยังไม่ครบ และไม่มีพรรคใดมีเศษมากกว่า 0.7 พรรค ก จะได้เพิ่มเป็น 53 คน)
- เมื่อได้จำนวนผู้แทนในระบบนี้ที่ลงตัวแล้ว ผู้สมัครของพรรคนั้น จากอันดับหนึ่ง ไปจนถึงอันดับเดียวกับจำนวนผู้แทนของพรรคนั้น จะได้เป็นผู้แทนราษฎร (เช่น พรรค ก ได้ 53 คน ผู้ที่มีรายชื่อตั้งแต่อันดับ 1 ถึง 53 จะได้เป็นผู้แทน)
ระบบแบ่งเขต[แก้]
เกณฑ์การแบ่งเขตเลือกตั้ง 375 เขตนั้น ตามรัฐธรรมนูญ ได้ประกาศให้มีหลักเกณฑ์ในการแบ่ง ดังต่อไปนี้[5]
- นำจำนวนราษฎรทั้งประเทศ จากทะเบียนราษฎรที่ประกาศในปีก่อนการเลือกตั้ง หารด้วยจำนวนผู้แทนในระบบเขต (คือ 375) จะได้อัตราส่วนของราษฎรต่อผู้แทน 1 คน
- นำจำนวนราษฎรในแต่ละจังหวัด หารด้วยอัตราส่วนที่คำนวณไว้ จะได้จำนวนเขตเลือกตั้งที่มีในจังหวัด
- จังหวัดที่ผลหารต่ำกว่า 1 เขต (เช่น 0.86 เขต) ให้ปัดขึ้นเป็น 1 เขต (ในการเลือกตั้งครั้งนี้ ไม่มีจังหวัดใดเข้าข่ายกรณีนี้)
- จังหวัดที่ผลหารมากกว่า 1 และมีเศษทศนิยม ให้ปัดเศษทิ้งทั้งหมด แต่ให้เก็บข้อมูลของเศษทศนิยมไว้ (เช่น 4.93 ปัดทิ้งเหลือ 4)
- รวมจำนวนผู้แทนของทั้ง 77 จังหวัด หากยังไม่ครบ 375 เขต ให้เพิ่มจำนวนเขตในจังหวัดที่มีเศษทศนิยมเหลือมากที่สุดขึ้นไป 1 เขต หากยังไม่ครบอีก ให้เพิ่มจำนวนเขตในจังหวัดที่มีเศษทศนิยมเหลือเป็นอันดับสองขึ้นไปอีก 1 เขต ทำเช่นนี้ไปตามลำดับ จนกว่าจะได้จำนวนครบ 375
- จังหวัดใดมีจำนวนเขตมากกว่า 1 เขต จะต้องแบ่งเขตโดยให้พื้นที่ของแต่ละเขตติดต่อกัน และแต่ละเขตต้องมีจำนวนราษฎรที่ใกล้เคียงกันด้วย (หลังจากการเลือกตั้ง ผู้สมัครที่ได้คะแนนสูงที่สุดในแต่ละเขต จะได้เป็นผู้แทน)
การเลือกตั้ง[แก้]
สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร[แก้]
ครั้งที่ [6] | วันที่ | วิธีการเลือกตั้ง | จำนวน ผู้สมัคร | จำนวน ส.ส. | ผู้มีสิทธิ เลือกตั้ง | ผู้มาใช้สิทธิ เลือกตั้ง | ร้อยละ | จังหวัดที่มีผู้ใช้ สิทธิมากที่สุด | ร้อยละ | จังหวัดที่มีผู้ใช้ สิทธิน้อยที่สุด | ร้อยละ | หมายเหตุ |
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
1 | 15 พฤศจิกายนพ.ศ. 2476 | ทางอ้อม | - | 78 | 4,278,231 | 1,773,532 | 41.45 | เพชรบุรี | 78.82 | |||
2 | 7 พฤศจิกายนพ.ศ. 2480 | แบ่งเขต | - | 91 | 6,123,239 | 2,462,535 | 40.22 | นครนายก | 80.50 | แม่ฮ่องสอน | 22.24 | |
3 | 12 พฤศจิกายนพ.ศ. 2481 | แบ่งเขต | - | 91 | 6,310,172 | 2,210,332 | 35.05 | นครนายก | 67.36 | ตรัง | 16.28 | |
4 | 6 มกราคมพ.ศ. 2489 | แบ่งเขต | - | 96 | 6,431,827 | 2,091,827 | 32.52 | บุรีรัมย์ | 54.65 | สุพรรณบุรี | 13.40 | |
5 | 5 สิงหาคมพ.ศ. 2489 | แบ่งเขต | - | 5,819,662 | 2,026,823 | 34.92 | สกลนคร | 57.49 | นราธิวาส | 16.62 | เลือกตั้งเพิ่มเติมตามจำนวนพลเมือง (รธน. 2489) | |
6 | 29 มกราคมพ.ศ. 2491 | รวมเขต | - | 99 | 7,176,891 | 2,177,464 | 29.50 | ระนอง | 58.69 | สมุทรปราการ | 15.68 | |
7 | 5 มิถุนายนพ.ศ. 2492 | รวมเขต | - | 21 | 3,518,276 | 870,208 | 24.27 | สกลนคร | 45.12 | อุดรธานี | 12.02 | เลือกตั้งเพิ่มเติมตามจำนวนพลเมือง (รธน. 2492) |
8 | 26 กุมภาพันธ์พ.ศ. 2495 | รวมเขต | - | 123 | 7,602,591 | 2,961,191 | 38.95 | สระบุรี | 77.78 | พระนคร | 23.03 | |
9 | 26 กุมภาพันธ์พ.ศ. 2500 | รวมเขต | 699 | 160 | 9,859,039 | 5,668,666 | 57.50 | สระบุรี | 93.30 | |||
10 | 15 ธันวาคมพ.ศ. 2500 | รวมเขต | 813 | 160 | 9,917,417 | 4,370,789 | 44.07 | ระนอง | 73.30 | อุดรธานี | 29.92 | |
11 | 10 กุมภาพันธ์พ.ศ. 2512 | รวมเขต | 1,253 | 219 | 14,820,400 | 7,289,837 | 49.16 | ระนอง | 73.95 | พระนคร | 36.66 | |
12 | 26 มกราคมพ.ศ. 2518 | แบ่งเขต รวมเขต | 2,199 | 269 | 20,243,791 | 9,549,924 | 47.17 | ภูเก็ต | 67.87 | เพชรบูรณ์ | 32.31 | |
13 | 4 เมษายนพ.ศ. 2519 | แบ่งเขต รวมเขต | 2,369 | 279 | 20,623,430 | 9,072,629 | 43.69 | นครพนม | 63.53 | เพชรบูรณ์ | 26.64 | |
14 | 22 เมษายนพ.ศ. 2522 | แบ่งเขต รวมเขต | 1,523 | 301 | 21,283,790 | 9,344,045 | 43.90 | ยโสธร | 77.11 | |||
15 | 18 เมษายนพ.ศ. 2526 | แบ่งเขต รวมเขต | 1,880 | 324 | 24,224,470 | 12,295,339 | 50.76 | ยโสธร | 79.62 | |||
16 | 27 กรกฎาคมพ.ศ. 2529 | แบ่งเขต รวมเขต | 3,613 | 347 | 26,224,470 | 16,670,957 | 61.43 | ชัยภูมิ | 85.15 | |||
17 | 24 กรกฎาคมพ.ศ. 2531 | แบ่งเขต รวมเขต | 3,612 | 357 | 26,658,638 | 16,944,931 | 63.56 | ยโสธร | 90.42 | |||
18 | 22 มีนาคมพ.ศ. 2535 | แบ่งเขต รวมเขต | 2,851 | 360 | 31,660,156 | 19,622,322 | 61.59 | มุกดาหาร | 87.11 | |||
19 | 13 กันยายนพ.ศ. 2535 | แบ่งเขต รวมเขต | 2,417 | 360 | 31,660,156 | 19,622,322 | 61.59 | มุกดาหาร | 90.43 | |||
20 | 2 กรกฎาคมพ.ศ. 2538 | แบ่งเขต รวมเขต | 2,372 | 391 | 37,817,983 | 23,462,748 | 62.04 | มุกดาหาร | 83.80 | |||
21 | 17 พฤศจิกายนพ.ศ. 2539 | แบ่งเขต รวมเขต | 2,310 | 395 | 38,564,836 | 24,040,836 | 62.42 | สระแก้ว | 87.71 | |||
22 | 6 มกราคมพ.ศ. 2544 | แบ่งเขต บัญชีรายชื่อ | 2,276 940 | 400 100 | 42,759,001 | 29,904,940 29,909,271 | 69.94 69.95 | ลำพูน | 83.78 | |||
23 | 6 กุมภาพันธ์พ.ศ. 2548 | แบ่งเขต บัญชีรายชื่อ | 1,707 582 | 400 100 | 44,572,101 | 32,337,611 32,341,330 | 72.55 72.56 | ลำพูน | 86.56 | หนองคาย | 62.55 | |
24 | 2 เมษายนพ.ศ. 2549 | แบ่งเขต บัญชีรายชื่อ | การเลือกตั้งเป็นโมฆะ หมายเหตุ เนื่องจากพรรคไทยรักไทยได้ว่าจ้างพรรคการเมืองขนาดเล็กในลงรับสมัครรับเลือกตั้งโดยที่คะแนนเสียงเลือกไม่ถึง 20% ตามคำพิพากษาในคดียุบพรรคการเมือง พ.ศ. 2549 และ พรรคไทยรักไทยโดยศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยให้ยุบพรรคไทยรักไทย ในวันที่ 30 พฤษภาคม 2550 และตัดสิทธิ์กรรมการบริหารพรรคไทยรักไทยทั้งหมด 111 คน คนละ 5 ปี | |||||||||
25 | 23 ธันวาคมพ.ศ. 2550 | แบ่งเขต สัดส่วน | 3,894 1,260 | 400 80 | 44,002,593 | 32,775,868 32,792,246 | 74.49 74.52 | |||||
26 | 3 กรกฎาคมพ.ศ. 2554 | แบ่งเขต บัญชีรายชื่อ | 2,422 1,410 | 375 125 | 46,939,549 | 35,220,377 35,220,208 | 75.03 | ลำพูน | 88.61 | หนองคาย | 68.59 | |
27 | 2 กุมภาพันธ์พ.ศ. 2557 | แบ่งเขต บัญชีรายชื่อ | การเลือกตั้งไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ หมายเหตุ ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า พระราชกฤษฎีกายุบสภาฯ กำหนดให้เลือกตั้งครั้งนี้ไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ เพราะไม่สามารถเลือกตั้งให้แล้วเสร็จทั่วประเทศได้ภายในวันเดียวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 108 วรรคสอง และเมื่อพระราชกฤษฎีกาในส่วนที่เกี่ยวกับการเลือกตั้งไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ การเลือกตั้งนี้จึงไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญไปด้วย[7] คณะกรรมการการเลือกตั้งเห็นว่าตามคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ ไม่ถือว่าการเลือกตั้งครั้งนี้เป็นโมฆะ (หรือเสมือนไม่เคยเกิดขึ้น) แต่ถือว่าการเลือกตั้งได้เกิดขึ้นแล้ว 1 ครั้ง [8] | |||||||||
28 | 24 มีนาคมพ.ศ. 2562 | แบ่งเขต บัญชีรายชื่อ | 350 150 | 51,239,638 | 38,268,375 | 74.69 |
สมาชิกวุฒิสภา[แก้]
ในรัฐธรรมนูญฉบับปีพุทธศักราช 2560 ความส่วนหนึ่งคือจะมีคณะสรรหาคัดเลือกสมาชิกวุฒิสภา 250 คนและจะต้องผ่านการลงมติเห็นชอบจากทางสภาซึ่งสมาชิกวุฒิสภาจะมีเสียงในสภาโดยมีวาระ 5 ปี
ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้
|
ครั้งที่ | วันที่ | วิธีการเลือกตั้ง | จำนวน ผู้สมัคร | จำนวน ส.ว. | ผู้มีสิทธิ เลือกตั้ง | ผู้มาใช้สิทธิ เลือกตั้ง | ร้อยละ | จังหวัดที่มีผู้ใช้ สิทธิมากที่สุด | ร้อยละ | จังหวัดที่มีผู้ใช้ สิทธิน้อยที่สุด | ร้อยละ | หมายเหตุ |
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
1 | 4 มีนาคม พ.ศ. 2543 | แบ่งเขต | - | 200 | ||||||||
2 | 19 เมษายน พ.ศ. 2549 | แบ่งเขต | 1,477 | 200 | ||||||||
3 | 2 มีนาคม พ.ศ. 2551 | รวมเขต | - | 76 | ||||||||
4 | รวมเขต | 468 | 77 | 43,840,305 | 18,634,864 | 42.51 |
CR : การเลือกตั้งในไทย
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)